วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Requirement Deficiency and Toxicity of Vitamin A

ความต้องการของวิตามิน เอ ในสัตว์ไม่เคี้ยวเอื้อง
ในสุกรที่กินอาหารผสมซึ่งประกอบด้วย ข้าวโพดเหลืองบดและกากถั่วเหลืองมักไม่ค่อยขาดวิตามิน เอ ทั้งนี้เพราะในวัตถุดิบทั้ง 2 ชนิดดังกล่าวมี carotene อยู่หากจะเสริมให้อาจเสริมวิตามินในรูปของ carotene หรือ ถ้าเป็นสุกรเล็กควรมีการเสริมให้ในรูปพรีมิกซ์ ในไก่อาจเสริมให้ในรูปของวิตามิน เอ สังเคราะห์ร่วมกับวิตามิน ดี3 (AD3) โดยใช้วิตามินเอ 5 ส่วนผสมกับวิตามินดี3 1 ส่วน การเสริมในอาหารไก่ไข่และไก่พ่อ–แม่พันธุ์จะทำให้ไข่แดงมีวิตามินเอ สะสมมากพอต่อความต้องการของลูกไก่แรกฟักออกใหม่ ๆ
ผลการขาดวิตามิน เอ (Deficiency)
1. ทำให้สัตว์เป็นโรคตาบอดกลางคืน 2. การเจริญเติบโตลดลง ประสิทธิภาพการใช้อาหารต่ำ 3. ภูมิคุ้มกันโรคลดลง ทำให้ติดโรคได้ง่าย 4. ผิวหนังหยาบกร้านเพราะการเจริญเติบโตของเยื่อบุผิวหนังเสียไป 5. แม่สุกรที่ขาดวิตามินเอ จะผสมติดยาก แท้งลูกได้ง่าย 6. ลูกสุกรคลอดออกมาจะมีอาการผิดปกติและน้ำหนักแรกคลอดต่ำ 7. พ่อ – แม่ไก่พันธุ์จะแสดงอาการเปอร์เซ็นต์การไข่ลดลง ไข่มีเปอร์เซ็นต์ฟักออกต่ำ 8. ไก่เนื้อจะแสดงอาการเจริญเติบโตลดลง การเจริญของกระดูกผิดปกติ และเยื่อหุ้มท่อหายใจแข็งตัว ทำให้ติดเชื้อโรคได้ง่าย
ภาวะเป็นพิษของวิตามิน เอ (Toxicity)
เนื่องจากการขับวิตามินเอ ออกจากร่างกายค่อนข้างยาก ดังนั้นถ้าหากได้รับมากเกินความต้องการของร่างกายจะเกิดอาการเป็นพิษขึ้น อาการโดยทั่วๆไป คือ เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด ผิวหนังหยาบหนา ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) มีจุดเลือดออกอาการเป็นพิษที่เกิดกับสุกรมีขนหยาบกระด้าง ตื่นเต้นง่าย มีเลือดออกที่กีบ และมีเลือดออกในมูลและปัสสาวะ ไม่สามารถควบคุมการเดิน ในที่สุดจะตาย ส่วนในไก่ การให้วิตามินเฉลี่ย 64 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวต่อวัน ทำให้เกิดการเป็นพิษอย่างเฉียบพลัน การเกิดพิษของสัตว์เมื่อได้รับวิตามินระดับต่างๆ ในอาหารจะแตกต่างกันขึ้นกับชนิดของสัตว์ อายุของสัตว์ ปริมาณที่เก็บกักไว้ในร่างกาย อัตราการดูดซึมและอัตราการเปลี่ยนเป็นแคโรทีนให้เป็นวิตามิน เอ ความสัมพันธ์ของวิตามินเอและวิตามินดี พบว่าถ้าให้สัตว์กินวิตามินเอในปริมาณมาก อาจทำให้การเจริญเติบโตลดลงและมีปริมาณเถ้าของกระดูกน้อย ซึ่งถ้าสัตว์ได้รับวิตามินดีจะช่วยให้สภาพดีขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น