การดูดซึมและการขนส่ง
เราสามารถพบวิตามินสามรูปแบบนี้ในรูปแบบอิสระ หรือรวมกับฟอสเฟต หรือรวมกับฟอสเฟตและโปรตีน วิตามินกลุ่มนี้จะถูกย่อยและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็วที่ลำไส้ส่วนต้น เมื่อเข้าไปในร่างกายจะเปลี่ยนไปเป็น โคเอนไซม์ ในรูปของ ไพริดอกซาลฟอสเฟต ที่เหลือจากความต้องการของร่างกายจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะภายใน 8 ชั่วโมง หลังจากบริโภค และไม่เก็บสะสมไว้ที่ตับในรูปของวิตามิน บีหก หรือในรูปของกรดไพริดอกซิก ถ้าไม่ปัสสาวะไม่มีสารประกอบตัวนี้แสดงว่าร่างกายได้รับวิตามิน บีหกไม่พอ จากนั้นจะเก็บสะสมไว้ที่กล้ามเนื้อและตับ วิตามินส่วนที่เกินความจำเป็นของร่างกายจะถูกขับออกทางปัสสาวะในรูปของกรดไพริด็อกซิก (Pyridoxic acid) ดังนั้นเราสามารถใช้กรดนี้ชี้สภาวะวิตามินในร่างกายได้
บทบาทและหน้าที่
วิตามินบีหกเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์โคเอนไซม์ ไพริด็อกซัลฟอสเฟต (Pyridoxal phosphate, PLP) และไพริด็อกซามินฟอสเฟต (pyridoxamine phosphate ) โคเอนไซม์ทั้งสองชนิดนี้เกี่ยวข้องในกระบวนการเมแทบอลิซึมของโปรตีน และคาร์โบไฮเดรต โดยเป็นโคเอนไซม์ในปฏิกิริยาในการย้ายหมู่อะมิโน (transamination) ปฏิกิริยาการขจัดหมู่อะมิโน (deamination) ปฏิกิริยาการขจัดหมู่คาร์บอกซิล (decarboxylation) และปฏิกิริยาการขจัดหมู่ซัลฟ์ไฮดริล (desulfuration) นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องในการสังเคราะห์ฮีม และยังช่วยทำให้เอนไซม์ glycogen phosphorylase เสถียรมากขึ้น เอนไซม์ phosphorylase นี้ทำหน้าที่สลายไกลโคเจนในตับและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้วิตามินบีหกยังเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนกรดอะมิโนทริฟโตเฟนไปเป็นกรดนิโคทินิก เพราะฉะนั้นการขาดวิตามินไพริด็อกซินก็อาจทำให้ขาดกรด นิโคทินิกด้วย
โคเอนไซม์ไพริด็อกซัลฟอสเฟต ทำหน้าที่รับหมู่อะมิโนจากกรดอะมิโน เพื่อนำไปให้กับตัวรับ เช่น กรดแอลฟาคีโท (- keto acid) ในปฏิกิริยาย้ายหมู่อะมิโน เมื่อรับหมู่อะมิโนแล้วจะได้เป็นไพริด็อกซามีนฟอสเฟต ซึ่งเมื่อให้หมู่อะมิโนไปแล้วจะเปลี่ยนกลับเป็นไพริด็อกซัลฟอสเฟตดังเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น