Essential amino acid index

ดัชนีกรดอะมิโนจำเป็น (essential amino acid index) เป็นการเปรียบเทียบระหว่างอัตราส่วนของกรด อะมิโนจำเป็นทั้งหมดในอาหาร ที่ต้องการทำการทดสอบคุณภาพโปรตีนกับกรดอะมิโนจำเป็นทั้งหมดในโปรตีนมาตรฐาน คือ ไข่ทั้งฟอง ดัชนีของกรดอะมิโนจำเป็นในการคำนวณจะให้ค่าที่มีความถูกต้องยิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเคมิคอล สกอร์ อย่างไรก็ตามดัชนีกรดอะมิโนจำเป็นยังมีข้อจำกัด คือ ในการคำนวณเป็นการนำกรดอะมิโนจำเป็น 10 ชนิด และใช้ปริมาณกรดอะมิโนฟีนิลอะลานีนรวมตัวกับไทโรซีน นอกจากนี้การใช้ประโยชน์ได้ของโปรตีน ไม่ได้เป็นผลจากปริมาณโภชนะเพียงอย่างเดียว อาจเป็นผลจากแหล่งโปรตีนมาตรฐานที่นำมาเปรียบเทียบ การย่อยเอ็นไซม์ และการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของกรดอะมิโนด้วย (Oser, 1959)

Chemical score

เคมิคอล สกอร์ (chemical score) การเปรียบเทียบปริมาณของกรดอะมิโนจำเป็น ที่มีอยู่ในวัตถุดิบ หรืออาหารที่ต้องการทดสอบ กับโปรตีนที่มีคุณภาพของกรดอะมิโนสูง เช่น ไข่ นม หรือรูปแบบของโปรตีน และกรดอะมิโนที่ตั้งขึ้นตามความต้องการของสุกร ในการเปรียบเทียบปริมาณของกรดอะมิโนที่มีในอาหารหรือวัตถุดิบโปรตีนทดสอบ จะคำนวณให้เป็นร้อยละของโปรตีนของกรดอะมิโนนั้น ๆ ที่มีแหล่งโปรตีนที่ใช้เปรียบเทียบ ค่าคะแนนที่เป็นร้อยละ ที่มีค่าต่ำสุดถือเป็นกรดอะมิโนจำกัดตัวที่หนึ่ง เป็นค่าเคมิคอล สกอร์ ของโปรตีนในวัตถุดิบหรืออาหารทดสอบนั้น ๆ ใช้เป็นตัวบ่งบอกให้ทราบถึงคุณภาพโปรตีน เพราะบอกถึงกรดอะมิโนที่ขาดในอาหาร การใช้ค่าดังกล่าวนี้ ในการประเมินคุณภาพโปรตีนยังมีข้อจำกัด เนื่องจากไม่ได้คำนึงถึงกรดอะมิโนอื่น ๆ ที่ขาดแคลนด้วย และค่าที่ได้ไม่สามารถบอกได้ว่าสัตว์จะใช้ประโยชน์ได้ตามที่วิเคราะห์ นอกจากนี้ยังมีความแปรผันตาม แหล่งโปรตีนมาตรฐานที่นำมาเปรียบเทียบ ทำให้คุณภาพโปรตีนแตกต่างกัน สูตรคำนวณค่าเคมิคอล สกอร์ (Seligson and Mackey, 1984)

Ideal protein

ไอเดียลโปรตีน (ideal Protein) โปรตีนที่มีความสมดุลของกรดอะมิโน หรือ ไอเดียลโปรตีน คือ โปรตีนที่มีดุลยภาพของกรดอะมิโนสมบูรณ์ มีชนิดและปริมาณของกรดอะมิโนต่าง ๆ เพียงพอ ไม่มีกรดอะมิโนชนิดใดขาด หรือมากเกินพอ การประเมินคุณภาพโปรตีนต้องทราบรูปแบบกรดอะมิโนของไอเดียลโปรตีน เพื่อใช้ประเมินคุณภาพของโปรตีน Wang and Fuller (1990) นิยามไอเดียลโปรตีนว่า เป็นตัวแทนของกรดอะมิโนรวม หรือโปรตีนที่ถูกดูดซึม หรือมีการใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึง มีองค์ประกอบของกรดอะมิโนที่ตรงกับความต้องการของสุกร เพื่อใช้ในการดำรงชีพและเพื่อการเจริญเติบโต สาโรช (2547) ได้อธิบายว่าสัดส่วนของกรดอะมิโนในไอเดียลโปรตีน เป็นสัดส่วนที่เน้นถึงปริมาณกรดอะมิโนที่สัตว์ใช้ได้จริง (bioavailability) แต่ในการวัดปริมาณ กรดอะมิโนที่สัตว์ใช้ได้จริงในระดับเนื้อเยื้อทำได้ยาก ค่าที่ใช้จึงยึดระดับกรดอะมิโนที่ถูกดูดซึมได้จริง (true ileal digestibility) เมื่ออาหารผ่านมาถึงลำไส้เล็กส่วนปลาย แต่ไม่ใช่กรดอะมิโนที่เข้าสู่ปฏิกิริยาจริงในกระบวนการเมแทบอลิซึมทั้งหมด เพราะกรดอะมิโนที่ถูกดูดซึมบางส่วนอาจไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ จึงเป็นค่าที่บ่งชี้ใกล้เคียงการใช้ประโยชน์ได้จริงเท่านั้น Cole (1979) รายงานว่าสุกรมีความต้องการปริมาณโปรตีนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความแตกต่างในด้านเพศ พันธุ์ น้ำหนักตัว และอัตราการเจริญเติบโตในช่วงต่าง ๆ วิธีการศึกษาไอเดียลโปรตีนมีวิธีการศึกษา 4 วิธี (Boisen, 2003) ดังนี้

ก) การวิเคราะห์รูปแบบ หรือระดับของกรดอะมิโนในอาหาร ซึ่งทำให้เกิดสมรรถนะการเจริญเติบโตสูงสุด ข) การวิเคราะห์รูปแบบ หรือ ระดับกรดอะมิโนในเนื่อเยื่อร่างกาย ค) การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของกรดอะมิโนในอาหาร เพื่อทำการสะสมไนโตรเจนในร่างกายมากที่สุด มี 2 วิธีย่อย คือ การเติมหมู่อะมิโนลงในอาหารที่มีรูปแบบ กรดอะมิโนพื้นฐาน และการลดปริมาณกรดอะมิโนลงในอาหารที่มีรูปแบบกรดอะมิโนพื้นฐาน ง) การวัดความต้องการกรดอะมิโน เพื่อการสะสมโปรตีนเฉพาะอย่าง ไอเดียลโปรตีนของสุกรสามารถจำแนกออกจากกัน NRC (1998) ได้จำแนกความต้องการของสุกรเพื่อใช้ในการดำรงชีพ และเพื่อการเจริญเติบโต และที่มีในเนื้อเยื่อของสุกร

Castrated male pig

ลักษณะของสุกรขุนเพศผู้ตอน สุกรขุนเพศผู้ตอน เป็นสุกรที่ทำการตัดอัณฑะตั้งแต่ระยะหลังคลอดประมาณ 4-8 วัน ซึ่งอัณฑะเป็นแหล่งสร้างฮอร์โมน เทสโทสเตอโรน การตัดอัณฑะออกตั้งแต่ระยะเล็ก ๆ จะมีผลตามมา คือ ร่างกายจะไม่แข็งแกร่ง กล้ามเนื้อหดหายกลายเป็นไขมันนุ่มๆ กระดูกเปราะบาง ผลทางกายภาพ คือ กระดูกขาจะเก้งก้าง ขาดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ที่จะช่วยปิดปลายกระดูกให้หยุดโต กล้ามเนื้อสำหรับหุ้มกระดูกมีน้อย มีปริมาณไขมันเป็นส่วนใหญ่ แต่ลักษณะเช่นนี้จะยังไม่แสดงออกมาชัดเจนมากนัก เนื่องจากในช่วงของสุกรระยะแรกเกิด ถึง ระยะรุ่น การสร้างฮอร์โมนยังมีปริมาณไม่มาก และไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายสุกรมากนัก แต่จะส่งผลชัดเจนในสุกรระยะขุน และช่วงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์สำหรับสุกรทดแทน ดังนั้น ผลของการตัดอัณฑะ ก็คือ การที่ร่างกายสุกรขาดฮอร์โมนเพศเทสโทสเตอโรน ทำให้มีรูปร่างคล้ายสุกรเพศเมีย กระดูกเปราะ มีการสังเคราะห์โปรตีนสำหรับสร้างกล้ามเนื้อในปริมาณน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับสุกรเพศผู้ และเพศเมีย ที่ระยะน้ำหนักเดียวกัน เนื่องจากฮอร์โมนเพศมีความสำคัญสำหรับการเจริญเติบโต และการสร้างกล้ามเนื้อ ให้ร่างกายสุกรเจริญเติบโตปกติ

Hormone in body pig

อิทธิพลของฮอร์โมนต่อระบบร่างกายของสุกร ฮอร์โมนสำคัญอย่างยิ่งของร่างกายสุกรในการควบคุมการทำงาน และการติดต่อสื่อสาร รวมทั้งประสานขบวนการทำงานระดับเซลล์ให้เกิดประสิทธิภาพ และเป็นระเบียบถูกต้อง เป็นสารที่ร่างกายสร้างออกมาแล้ว แพร่กระจายออกสู่กระแสเลือดไปออกฤทธิ์ที่อวัยวะเป้าหมาย กลไกการออกฤทธิ์ของฮอร์โมนทุกชนิด เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาทอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีความสัมพันธ์กับระบบสืบพันธุ์ ทางเดินอาหาร และไขมันในร่างกายด้วย การเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ของสุกรขุน เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานอย่างสมบูรณ์ของฮอร์โมนในสุกร การผลิตสุกรในปัจจุบันความต้องการของผู้บริโภคที่จะได้รับสุกรขุนที่มีปริมาณเนื้อแดงสูง ทำให้การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์สุกร นั้นเน้นการเพิ่มพันธุกรรมของปริมาณเนื้อแดง และลดความหนาไขมันสันหลัง การคัดพันธ์สุกรในลักษณะนี้จะส่งผลให้อายุในการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ของสุกรสาวในปัจจุบันมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ สุกรระยะรุ่น-ขุน เป็นระยะที่กำลังมีการพัฒนาของฮอร์โมน ซึ่งฮอร์โมนที่พบในสุกรเพศเมีย คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) ฮอร์โมนลูทิไนซิง (luteinizing ; LH) ส่วนฮอร์โมนที่พบในสุกรเพศผู้ คือ เทสโตสเตอโรน (testosterone ) ฮอร์โมนของสุกรเพศผู้มีอิทธิพลต่อความเจริญเติบโต และพัฒนาการทางเพศรวมทั้งพฤติกรรมทางเพศที่แสดงออก เปลี่ยนแปลงทำให้เกิดลักษณะทางเพศ มีกล้ามเนื้อหนา และแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะแสดงความเป็นเพศผู้ มีความรู้สึกต้องการทางเพศ

Finishing pig

ลักษณะและความสำคัญของสุกรระยะรุ่น-ขุน สุกรมีการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายตามช่วงอายุ สำหรับสุกรระยะรุ่น-ขุน มีกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน ที่เป็นส่วนของเนื้อแดงในปริมาณมาก อยู่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะมีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง และต่อจากนั้นสุกรก็จะสังเคราะห์โปรตีนเพื่อคงรูป และรักษาโครงสร้างของเซลล์ร่างกายเท่านั้น ในขณะเดียวกันสุกรจะสังเคราะห์ไขมันเพื่อเก็บสะสมในรูปเซลล์ไขมัน โดยอยู่ในรูปของไตรเอซิล กลีเซอรอล ในอัตราที่เพิ่มขึ้น และมีการสะสมทดแทน ซึ่งโดยปกติสุกรขุนที่น้ำหนักมีชีวิต 100 กิโลกรัม จะประกอบด้วยน้ำหนักเครื่องใน 24 กิโลกรัม และน้ำหนักซากประมาณ 76 กิโลกรัม ซึ่งแบ่งออกได้เป็น เนื้อแดงประมาณ 42 กิโลกรัม ไขมันประมาณ 17 กิโลกรัม กระดูกประมาณ 13 กิโลกรัม และหนังประมาณ 4 กิโลกรัม การสร้างเนื้อแดงของสุกร สุกรเพศผู้มีการเจริญเติบโตและอัตราการสังเคราะห์ของเนื้อแดงเร็วกว่า สุกรเพศเมีย และสุกรเพศผู้ตอน ตามลำดับ และพบว่าสุกรมีกระบวนการสร้างเนื้อแดงสูงสุดที่น้ำหนักประมาณ 60 ถึง 70 กิโลกรัม ซึ่งทั้งนี้ ระยะเวลาของการสร้าง และสะสมเนื้อแดงก็ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของสุกรแต่ละสายพันธุ์ด้วย ดังนั้นในช่วงที่สุกรสร้างเนื้อแดงปริมาณที่สูง คุณภาพอาหารจึงเป็นสิ่งจำเป็น หากสุกรระยะนี้สามารถนำอาหารไปใช้ประโยชน์ได้ดี ก็จะได้สุกรที่มีเปอร์เซ็นต์เนื้อแดงสูง และมีคุณภาพซากที่ดี และส่วนของช่วงสุกรระยะขุนจะเป็นช่วงที่มีอัตราการสะสมไขมันที่เพิ่มขึ้นมากกว่าในขณะที่การสังเคราะห์โปรตีนชนิดที่เป็นโครงสร้างเนื้อแดง และสะสมเนื้อแดงจะมีอยู่ในอัตราที่ลดลง นอกจากนี้ พันธุกรรมเป็นปัจจัยพื้นฐานของคุณภาพซาก และคุณภาพเนื้อ รวมถึงดัชนีประสิทธิภาพการผลิตตัวอื่น ๆ ด้วย ได้แก่ อัตราการเพิ่มขึ้นของน้ำหนัก อัตราการเจริญเติบโต การกินอาหาร และการปรับปรุงพันธุ์ การเลี้ยงสุกรให้มีปริมาณของเนื้อแดงมากขึ้น ควรจะต้องเลี้ยงสุกรขุนแยกเพศ โดยจัดแยกเพศตั้งแต่ระยะเริ่มเลี้ยงในระยะรุ่น เพื่อสะดวกและง่ายต่อการจัดการ ซึ่งความแตกต่างของการเจริญเติบโตจะเริ่มสังเกตเห็นได้ชัดเจนในช่วงสุกรรุ่น และจะยิ่งเห็นชัดเจนมากขึ้นในช่วงสุกรขุน

Lysine recommend for pig

ระดับของไลซีนที่แนะนำในอาหารสุกรขุน สุกรต้องการกรดอะมิโนไลซีนในปริมาณมาก เพื่อนำไปสังเคราะห์โปรตีน สำหรับการดำรงชีวิต รวมทั้งเพื่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในกระบวนการสร้างเนื้อแดงซึ่งพบกรดอะมิโน ไลซีนเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างโปรตีนในเนื้อแดงอยู่ในปริมาณมาก ดังแสดงในตารางที่ 2-2 โปรตีนในอาหารที่มีปริมาณ และสัดส่วนกรดอะมิโนไลซีนไม่เพียงพอต่อความต้องการของสุกร จะทำให้การใช้ประโยชน์ได้ของโปรตีน อัตราการเจริญเติบโต ประสิทธิภาพการใช้อาหาร และการสะสมเนื้อแดงด้อยลง ในขณะเดียวกันก็มีผลทำให้ซากสุกรมีไขมันเพิ่มมากขึ้น โปรตีนในอาหารที่ขาดไลซีนเพียงเล็กน้อย ส่งผลเสียต่ออัตราการเจริญเติบโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เกิดผลเสียมากต่อปริมาณเนื้อแดง และการสะสมไขมันในซากสุกร ดังนั้น เพื่อให้สุกรมีคุณภาพซากที่ดี จึงต้องเพิ่มกรดอะมิโนไลซีนให้สูงกว่า เพื่อการเจริญเติบโตที่ดี และระดับที่ทำให้ประสิทธิภาพการใช้อาหารดี (นิรนาม, 2530; Brown et al., 1973) สอดคล้องกับ Jones et al. (1962) ซึ่งรายงานว่าสุกรขุนที่ได้รับอาหารที่มีโปรตีนร้อยละ 18.00 ไลซีนร้อยละ 0.98 มีอัตราการเจริญเติบโต การสะสมเนื้อแดง และพื้นที่หน้าตัดเนื้อสันสูงกว่าสุกรที่ได้รับอาหารที่มีโปรตีนร้อยละ 15.00 และไลซีนร้อยละ 0.66 เช่นเดียวกับ Jones et al. (1963) ที่รายงานว่าสุกรระยะหย่านม ถึงน้ำหนัก 90 กิโลกรัม ที่ได้รับอาหารที่มีโปรตีนร้อยละ 18.00 ไลซีนร้อยละ 0.83 มีปริมาณเนื้อแดงในซากมากกว่า สุกรที่ได้รับอาหารที่มีโปรตีนร้อยละ 18.00 ไลซีนร้อยละ 0.73 ส่วน NRC (1998) รายงานว่าสุกรที่น้ำหนัก 50-80 กิโลกรัม มีความต้องการกรดอะมิโน ไลซีนที่ย่อยได้จริง วันละ 17.10 กรัมต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 0.66 ของอาหาร (โปรตีนที่ร้อยละ 15.50) แต่ ARC (1981) รายงานว่าสุกรขุนที่น้ำหนัก 50-90 กิโลกรัม มีความต้องการไลซีนที่ ร้อยละ 0.85 ของอาหาร

Lysine and chemical interaction

ความสัมพันธ์ระหว่างไลซีนและสารชนิดอื่นๆ กรดอะมิโนไลซีนมีบทบาท และเป็นส่วนประกอบสำหรับการสร้างสารชนิดอื่น ได้แก่ คาร์นิทีน (carnitine) อาร์จินีน (arginine) และ เดสโมซีน (desmosine) กรดอะมิโนไลซีนมีลักษณะโครงสร้างคล้ายกับกรดอะมิโนอาร์จินีน จึงเกิดการต่อต้านการใช้ประโยชน์ได้ระหว่างกัน (antagonism) โดยไลซีนจะมีการต่อต้านการใช้ประโยชน์ได้ของอาร์จินีนในสัตว์ปีก สำหรับสุกร กรดอะมิโนไลซีนไม่เกิดการต่อต้านการใช้ประโยชน์ได้ของกรดอะมิโนอาร์จินีน นอกจากนี้ ไลซีนยังมีความสัมพันธ์กับเมทไธโอนีน และซีสตีน โดยไลซีนจะใช้กระบวนการดูดซึมเช่นเดียวกับ กรดอะมิโนเมทไธโอนีน กรดอะมิโนซีสตีน กรดอะมิโนอาร์จินีน และ คาร์นิทีน กรดอะมิโนไลซีนยังมีความสัมพันธ์กับ กรดอะมิโนชนิดอื่นๆด้วย เมื่อสุกรมีความต้องการ กรดอะมิโนไลซีนมากขึ้น ก็ต้องการ กรดอะมิโนชนิดอื่นๆ เป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นตามด้วย (Scott et al., 1982)

Lysine and protein synthesis

บทบาทของไลซีนต่อการสังเคราะห์โปรตีน ไลซีนมีความสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนชนิดต่าง ๆ มากมาย และต้องการในสัดส่วนและปริมาณที่สูงมากเมื่อเทียบกับกรดอะมิโนชนิดอื่น ๆ เป็นส่วนประกอบของเอ็นไซม์หลายตัว เป็นสารตั้งต้นสำหรับสร้างสารชนิดอื่น ๆ ซึ่งสามารถพบกรดอะมิโนไลซีนในส่วนประกอบของเนื้อเยื่อเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างคอลลาเจน เป็นส่วนประกอบนิวคลีโอไทด์ ที่อยู่ในนิวเคลียสของเซลล์ และเป็นส่วนประกอบที่สูงในโครงสร้างของโปรตีนกล้ามเนื้อ (มีกรดอะมิโนไลซีน 70 กรัมต่อกิโลกรัมกล้ามเนื้อ) เมื่อเทียบกับกรดอะมิโนชนิดอื่น ๆ (ดังแสดงในตารางที่ 2-2) ซึ่งสุกรระยะรุ่น-ขุน เป็นระยะที่มีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นสูง จึงต้องการกรดอะมิโนแต่ละชนิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น สำหรับการสังเคราะห์โปรตีน การแบ่งเซลล์ และการเพิ่มจำนวนเซลล์ เพื่อพัฒนาเป็นเนื้อเยื่อ และเติบโตไปเป็นกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อชนิดต่าง ๆ ในร่างกาย

Function of Lysine

คุณสมบัติและบทบาทของไลซีน ไลซีนประกอบด้วย หมู่คาร์บอกซิล (carboxyl group,-COOH) หมู่อะมิโน (amino group,-NH2) อะตอมของไฮโดรเจน (hydrogen atom, -H) และหมู่อาร์ (R-group) ไม่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ ดังแสดงในภาพที่ 2-5 สามารถรับโปรตอนได้ที่ pH เป็นกลาง จัดอยู่ในกลุ่ม กรดอะมิโนชนิดเป็นเบส ซึ่งหมู่อาร์ของไลซีนจะมีประจุบวก เมื่อ pH ของสารละลายต่ำกว่าค่า pKa ของไลซีน (ARC, 1981; Horton et al., 1996; Mathews et al., 2000) ไลซีนมีบทบาทสำคัญในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน และเมทาบอลิซึมของร่างกายสุกร เป็นกรดอะมิโนตัวตั้งต้นสำหรับการผลิตเอ็นไซม์ ฮอร์โมน และสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ไลซีนยังมีบทบาทต่อกระบวนการสร้างการเจริญเติบโตของกระดูก กระดูกอ่อน และกล้ามเนื้อ ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม และรักษาสมดุลของแคลเซียมในกระดูก ซ่อมแซมรักษาบาดแผลให้หายได้เร็ว และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารชนิดอื่น ๆ ในกระบวนการสลายไขมัน เพื่อให้ได้พลังงาน (Horton et al., 1996; Mathews et al., 2000)

Methionine recommend for pig

ระดับเมทไธโอนีนที่แนะนำในอาหารสุกรขุน อาหารที่มีกรดอะมิโนเมทไธโอนีนไม่เพียงพอ ทำให้ความเข้มข้นของโปรตีนในซีรั่มลดลง เพิ่มการสะสมของไขมันในตับ การสังเคราะห์น้ำย่อย ฮอร์โมน และการสังเคราะห์โปรตีนลดลง และทำให้สุกรมีอัตราการเจริญเติบโตไม่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังพบว่าโปรตีนในอาหารที่มีปริมาณ และสัดส่วนของกรดอะมิโนเมทไธโอนีนมากเกินความต้องการของสุกร ก็จะทำให้เกิดการแข่งขันกับกรดอะมิโนไลซีน กรดอะมิโนอาร์จินีน และคาร์นิทีนใน กระบวนการดูดซึมด้วย เมื่อปริมาณเมทไธโอนีนที่ดูดซึมเข้าสู่เซลล์มีมากเกินความต้องการ ส่งผลทำให้สุกรไม่สามารถดูดซึมกรดอะมิโนไลซีน กรดอะมิโนอาร์จินีน และคาร์นิทีน ได้เพียงพอต่อความต้องการของสุกรได้ (Nelson and Cox, 2000) ซึ่ง NRC (1998) อธิบายว่า สุกรน้ำหนัก 50–80 กิโลกรัมมีความต้องการกรดอะมิโนเมทไธโอนีนที่ย่อยได้จริงวันละ 4.60 กรัมต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 0.18 ของอาหาร และมีความต้องการโปรตีนในอาหารร้อยละ 15.50 เมทไธโอนีนรวมกับซีสตีนที่ย่อยได้จริงวันละ 10 กรัมต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 0.39 ของอาหาร ส่วน ARC (1981) รายงานว่าสุกรขุนที่น้ำหนัก 50-90 กิโลกรัม มีความต้องการโปรตีน 8.60 กรัมต่อเมกะจูลของพลังงานที่ย่อยได้ และต้องการกรดอะมิโนเมทไธโอนีนรวมซีสตีน 0.30 กรัมต่อเมกะจูลของพลังงานที่ย่อยได้ และหลายสิบปีที่ผ่านมามีรายงาน การศึกษาสมรรถนะการเจริญเติบโตของสุกรที่ระยะน้ำหนัก 53-110 กิโลกรัม พบว่าระดับกรดอะมิโนที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ ในสูตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับสุกร มีค่าผันแปรอยู่ระหว่างร้อยละ 0.35–0.45 ซึ่งมีกรดอะมิโนที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบที่ย่อยได้อยู่ระหว่าง ร้อยละ 0.27–0.39 โดยมีผลให้อัตราการเจริญเติบโตอยู่ระหว่างที่ 750-990 กรัมต่อตัวต่อวัน น้ำหนักตัวที่เพิ่มต่อปริมาณอาหารที่กินอยู่ระหว่าง 260-360 กรัมต่อกิโลกรัม ดังแสดงในตารางที่ 2-1 (Chung et al., 1989; Roth et al., 2000; Loughmiller et al., 1998; Knowles et al., 1998)

Methionine and chemical interaction

เมทไธโอนีนสามารถเปลี่ยนเป็นสารชนิดอื่น ๆ ได้ เช่น ซีสเตอีน หรือ ทอรีน โดยอาศัย โคเอ็นไซม์ คือ วิตามิน บี 6 เข้าช่วย อาหารที่มีเมทไธโอนีนสูง แต่มีวิตามิน บี 6 ต่ำ มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด พิษของเมทไธโอนีนที่เกิดตามมา คือ เนื้อเยื่อของไตเจริญมากเกินไป ทำให้มีการขยายของท่อกรวยไตเกิดแผลที่เซลล์ของตับ และตับอ่อน มีปริมาณโฮโมซีสเตอีนในเลือด และปัสสาวะสูง เนื่องจากความผิดปกติของกระบวนการ เมแทบอลิซึมของเมทไธโอนีน โดยความล้มเหลวของเอ็นไซม์ซีสตะไธโอนีนซินเทส ซึ่งเอ็นไซม์นี้ต้องอาศัยวิตามิน บี 6 เป็นโคแฟกเตอร์ นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติที่ตามมา คือ เกิดลิ่มเลือด การพัฒนาของสมองช้า ซึ่งการบรรเทาพิษของเมทไธโอนีนทำได้โดย ประกอบสูตรอาหารให้มี วิตามิน บี 6 เพียงพอ และกรดอะมิโนไกลซีน และ เซอรีน เพียงพอ เนื่องจากกรดอะมิโนทั้ง 2 มีส่วนช่วยในการเปลี่ยนโฮโมซีสเตอีน เป็นซีสตะไธโอนีน เมทไธโอนีน ซีสเตอีน ซีสตีน ทอรีน และกลูตาไทโอน มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบของโครงสร้าง ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการฆ่าเชื้อโรคใน กระแสเลือด ป้องกันแบคทีเรีย กระตุ้นการหลั่งน้ำดีจากตับ และต่อต้านการสร้างสารพิษ (Murray et al., 2000)

เมทไธโอนีนเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ ซีสเตอีนแต่ซีสเตอีนไม่สามารถสังเคราะห์เมทไธโอนีนได้ โดยเมทไธโอนีนจะเปลี่ยนเป็น ซัลเฟอร์-อะดีโนซิลเมทไธโอนีน ซึ่งจะต้องใช้พลังงานในรูป อะดิโนซีน ไตรฟอสเฟต (adenosine triphosphate, ATP) ช่วยในการย่อยสลาย ทำหน้าที่ให้หมู่เมธิล กับปฏิกิริยาต่าง ๆ เกิดเป็น ซัลเฟอร์ – อะดีโนซิล โฮโมซีสเตอีน สลายให้ โฮโม-ซีสเตอีน รวมกับเซอรีนเป็นซีสตะไธโอนีน การสลายซีสตะไธโอนีนได้ซีสเตอีน และ แอลฟา-คีโตบิวทิเรต ซึ่งแอลฟา-คีโตบิวทิเรต จากโครงสร้างคาร์บอนของเมทไธโอนีนเปลี่ยนไปเป็นโพรพิโอนิล โค เอ, เมทธิลมาโลนิล โค เอ และซักซินิล โค เอ ตามลำดับ แล้วเข้าสู่วัฏจักรเครบส์ต่อไป ส่วนซีสเตอีน จะเกิดจากโครงสร้างคาร์บอนของเซอรีน และอะตอมของกำมะถันจากเมทไธโอนีน ดังแสดงในภาพที่ 2-3 ซีสเตอีน 2 โมเลกุลซึ่งมีหมู่ซัลไฮดริล (sulhydryl group, -SH) เมื่อถูกออกซิไดส์เกิดเป็นซีสตีน โดยมีพันธะไดซัลไฟด์ (disulfide bond) เชื่อมโยงโมเลกุลทั้ง 2 ของซีสเตอีนไว้ นอกจากนี้เมทไธโอนีน และซีสตีน ยังมีผลช่วยในการลดความเป็นพิษของโคบอลท์ ซึ่งช่วยลดการสะสมของโคบอลท์ที่ตับและไต (Southern and Baker, 1981) และเมทไธโอนีนยังช่วยบรรเทาความเป็นพิษที่เกิดขึ้นจากตะกั่วได้ โดยเมทไธโอนีนจะเป็นสารตั้งต้นสำหรับการผลิตกลูตาไทโอน โดยกลูตาไทโอนจะลดความเป็นพิษในตับลง ส่วน ซีสเตอีนเป็นสารตั้งต้นในการสร้างทอรีน ซึ่งจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของกรดน้ำดี

Methionine for protein synthesis

เมทไธโอนีนเป็นตัวเริ่มต้นในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน ซึ่งกรดอะมิโน เมทไธโอนีนจะอยู่ในรูปของ ฟอร์มิลเมทไธโอนีน (fMet) โดยมี ทีอาร์เอ็นเอ ของฟอร์มิล เมทไธโอนีน (tRNA f Met) เป็นตัวพาเข้าไปยังไรโบโซม ในรูป เอ็น–ฟอร์มิลเมทไธโอนีน–ทีอาร์เอ็นเอ ของฟอร์มิลเมทไธโอนีน (N–formylmethionyl– tRNA f Met หรือเขียนย่อโดย f Met–tRNA f Met) ขั้นตอนการเกิด เอ็น–ฟอร์มิลเมทไธโอนีน–ทีอาร์เอ็นเอ ของ ฟอร์มิลเมทไธโอนีน คือ เมทไธโอนีนเข้าจับกับ ทีอาร์เอ็นเอของฟอร์มิลเมทไธโอนีน (tRNA f Met) ก่อน โดยอาศัยการทำงานของเอ็นไซม์เมทไธโอนีนอะมิโนอะซิล–ทีอาร์เอ็นเอซินเธซิส (methionine aminoacyl tRNA synthesis) ดังปฏิกิริยาต่อไปนี้ Met + tRNA f Met + ATP Met + tRNA f Met + AMP + PPi หลังจากได้ เอ็น–เมทไธโอนิล–ทีอาร์เอ็นเอ ของฟอร์มิลเมทไธโอนีน (tRNA f Met) แล้วเอ็นไซม์ ทรานส์ฟอร์มิเลส (transformylase) จะทำหน้าที่ย้ายหมู่ฟอร์มิล จากเอ็นเทน–ฟอร์มิลเตตระ ไฮโดรโฟเลท (N10–formyltetrahydrofolate) หรือ (N10–formyl–FN4) มาให้หมู่อะมิโนของ เมทไธโอนีน ใน เอ็น–เมทไธโอนิล–ทีอาร์เอ็นเอ ได้เป็น เอ็น–ฟอร์มิลเมทไธโอนีน–ทีอาร์เอ็นเอ ของ ฟอร์มิล เมทไธโอนีน ดังนี้ N10 – Formyl – FN4 + Met + tRNA f Met FN4 + f Met - tRNA f Met เอ็นไซม์รานส์ฟอร์มิเลส มีความจำเพาะสูงมาก จะไม่เติมหมู่ฟอร์มิลให้แก่เมทไธโอนีนอิสระ แต่จะเติมให้ เอ็น–เมทไธโอนิล–ทีอาร์เอ็นเอ ของฟอร์มิลเมทไธโอนีน เท่านั้น ฉะนั้นในเซลล์พวก โปรคาริโอตมีทีอาร์เอ็นเอ สำหรับเมทไธโอนีนอยู่ 2 ชนิด คือ ทีอาร์เอ็นเอของ ฟอร์มิลเมทไธโอนีน (tRNA f Met) และ ทีอาร์เอ็นเอของเมทไธโอนีน (tRNA Met) โดยทั้งคู่สามารถจับกับเมทไธโอนีนได้ แต่มีเฉพาะ เอ็น–เมทไธโอนิล–ทีอาร์เอ็นเอ ของ ฟอร์มิลเมทไธโอนีน เท่านั้นที่จะถูกเปลี่ยนเป็น เอ็น–ฟอร์มิลเมทไธโอนีน–ทีอาร์เอ็นเอ ของ ฟอร์มิลเมทไธโอนีน ซึ่งเป็น กรดอะมิโนเริ่มต้นในการสังเคราะห์โปรตีน ส่วนทีอาร์เอ็นเอของ เมทไธโอนีนมีเพื่อพาเมทไธโอนีนเข้าไปยังตำแหน่งในสายโพลีเปปไทด์ (Lehninger, 1982; Montgomery et al., 1990)

Methionine

โดยธรรมชาติจะสามารถพบเมทไธโอนีนในรูปแอล-เมทไธโอนีน สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตกรดอะมิโนสังเคราะห์ สามารถผลิตได้ทั้งในรูป ดี และแอล-เมทไธโอนีน (ภาพที่ 2-2) ในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งสุกรสามารถใช้ประโยชน์ได้ดีทั้งในรูป ดีและแอล เมทไธโอนีน เมทไธโอนีนทำหน้าที่เป็นตัวแรกในการเปิดสายเปปไทด์ของกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน (Horton et al., 2002) นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้น หรือส่วนประกอบสำหรับ โฮโมซีสเตอีน (homocysteine) ซีสตีน (cystine) คาร์นิทีน (carnitine) ครีเอทีน (creatine) และ โคลีน (choline) (Murray et al., 2000)

เมทไธโอนีนจัดอยู่ในกลุ่มของกรดอะมิโนที่จำเป็น (essential amino acid) วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่นำมาประกอบสูตรอาหารสำหรับสุกร ส่วนใหญ่จะขาดความสมดุลของ กรดอะมิโน ซึ่งพบเมทไธโอนีนในปริมาณที่น้อย จึงจำเป็นต้องมีการเสริมกรดอะมิโนสังเคราะห์ ในรูปของดีแอล-เมทไธโอนีน เมทไธโอนีนจากโครงสร้างโปรตีนของวัตถุดิบอาหาร และ ดีแอล-เมทไธโอนีนสังเคราะห์ จะต้องผ่านกระบวนการแคแทบอลิซึม และแอนาบอลิซึมของร่างกายสุกรก่อน จึงจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ (Montgomery et al., 1990; Methew et al., 2000) เมทไธโอนีนที่สัตว์ได้รับจะมีทั้งส่วนของเมทไธโอนีนอิสระ และที่เป็นส่วนประกอบในโครงสร้างโปรตีนเมื่อสัตว์ได้รับโปรตีนจะเกิดกระบวนการย่อยเกิดขึ้น โดยเริ่มต้นกระบวนการย่อยที่กระเพราะอาหาร มีเอ็นไซม์เปปซิโนเจน (pepsinogen) และไคโมซิโนเจน (chymosinogen) เป็นเอ็นไซม์สำหรับการย่อยโปรตีน นอกจากนี้ยังอาจถูกย่อยด้วยกรดเกลือ (HCl) โดยกระบวนการไฮโดรไลซิส (hydrolysis)

Protein Synthesis

กรดอะมิโนแต่ละชนิดที่ดูดซึมเข้าสู่เซลล์ จะนำไปสังเคราะห์เป็นโปรตีน โดยกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน (protein synthesis) ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างโมเลกุลให้ใหญ่ขึ้น (macromolecule) โดยนำหน่วยการสร้าง (Building block) คือ กรดอะมิโนแต่ละชนิดมาเชื่อมต่อกันด้วยพันธะเปปไทด์ (peptide bond) ได้เป็นสายเปปไทด์ และมีการดัดแปลง หรือต่อเติมโมเลกุล เพื่อให้สามารถทำงานได้ โปรตีนแต่ละชนิดที่สังเคราะห์ขึ้น มีการเรียงลำดับเบสของกรดอะมิโนเป็นแบบเฉพาะตัว ซึ่งกำหนดโดยลำดับของเบสบนสายเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) และถอดรหัสมาจากลำดับเบสของยีน (gene) บนสายดีเอ็นเอ กระบวนการสังเคราะห์โปรตีน เริ่มต้นด้วยการสังเคราะห์อาร์เอ็นเอ (RNA) ในนิวเครียส จากการถอดรหัส (transcription) ดีเอ็นเอ โดยอาศัยเอ็นไซม์อาร์เอ็นเอโพลิเมอเรส (RNA Polymerase) หลังจากนั้นเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) จะส่งมาแปลงรหัส (Translation) ที่ไรโบโซมในไซโตพลาสซึม เพื่อเชื่อมต่อกรดอะมิโนแต่ละชนิดด้วยพันธะเปปไทด์ ตามลำดับเบสบนสายเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) เมื่อเติมกรดอะมิโนตัวสุดท้าย ครบแล้ว จะมีการเติมรหัสยุติ (UAA, UAG, UGA) กระบวนการสังเคราะห์โปรตีนจึงสิ้นสุดลง ดังแสดงในภาพที่ 2-1 (Murray et al., 2000) การสังเคราะห์โปรตีนขึ้นอยู่กับระดับของโปรตีน และสัดส่วนของกรดอะมิโนที่จำเป็นในอาหาร (NRC, 1988; NRC, 1998; Coffee, 1999) หากอาหารมีระดับของโปรตีน และกรดอะมิโนที่จำเป็นตรงตามความต้องการของสุกร จะทำให้สุกรนำกรดอะมิโนไปใช้ สำหรับการสังเคราะห์โปรตีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีการสูญเสียไนโตรเจนออกทางปัสสาวะต่ำ ทำให้สุกรมีการสะสมโปรตีนในร่างกายสูง (Wang and Fuller, 1989; Chung and Baker, 1992b; NRC, 1998) เมทไธโอนีนและไลซีนเป็นกรดอะมิโนที่มีความสำคัญ สำหรับกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน เนื่องจากเมทไธโอนีนเป็นกรดอะมิโนตัวแรกที่ใช้สำหรับเป็นตัวเริ่มต้นการสังเคราะห์โปรตีน (Murray et al., 2000; Nelson and Cox, 2000) ดังนั้นปริมาณเมทไธโอนีนที่น้อยหรือมากเกินไป จึงมีผลกระทบต่อความสมดุลของกรดอะมิโนชนิดอื่นๆ การขาดเมทไธโอนีนจะส่งผลให้ความสมดุลไนโตรเจน ประสิทธิภาพการใช้อาหาร และอัตราการเจริญเติบโตลดลง (Balogun and Fetuga, 1981) ทั้งนี้เนื่องจากการขาดเมทไธโอนีนจะทำให้การสังเคราะห์โปรตีนหยุดชะงัก ทำให้จำนวนโปรตีนที่สังเคราะห์มีปริมาณลดลงตามระดับเมทไธโอนีน (Nelson and Cox, 2000) ปริมาณเมทไธโอนีนในอาหารที่มีมากเกินความต้องการของสุกร ซึ่งเกิดจากความไม่สมดุลของกรดอะมิโนในอาหาร (Edmond and Baker, 1987) จะส่งผลทำให้เกิดพิษต่อร่างกายสุกร ทำให้การสังเคราะห์โปรตีนที่ได้ เพื่อใช้สำหรับกระบวนเจริญเติบโต เปลี่ยนไป ร่างกายสุกรต้องนำกรดอะมิโนไปสังเคราะห์โปรตีนเพื่อรักษาเซลล์โครงสร้างของร่างกาย และซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกทำลายจากการเกิดพิษของเมทไธโอนีน เพื่อการขับกรดอะมิโนเมทไธโอนีนส่วนที่เกินมา (Mitchell et al., 1968) นอกจากนี้ความต้องการ เมทไธโอนีน ยังขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างกล้ามเนื้อ (lean growth potential) ของสุกร ซึ่งในปัจจุบันมีการปรับปรุงสายพันธุ์สุกร ให้มีความสามารถในการสร้างเนื้อแดงในปริมาณที่สูงขึ้น ทำให้สุกรมีความต้องการสัดส่วนเมทไธโอนีนเพิ่มขึ้น (Lougmiller et al., 1998; Urynek and Buraczewska, 2003) จึงทำให้ในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน ต้องใช้กรดอะมิโนชนิดอื่น ๆ เพิ่มขึ้นตามด้วย และไลซีน เป็นกรดอะมิโนที่พบเป็นองค์ประกอบของโครงสร้างโปรตีนในเนื้อแดงของสุกรในปริมาณที่สูง จึงทำให้สุกรมีความต้องการปริมาณที่สูง เพื่อนำไปสังเคราะห์โปรตีน สำหรับการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในกระบวนการสร้างเนื้อแดง ดังนั้นในการประกอบสูตรอาหาร จึงต้องคำนึงถึงปริมาณเมทไธโอนีนและไลซีนในอาหาร และสมดุลของกรดอะมิโน ให้เพียงพอกับความต้องการของสุกร

Function of Methionine

กรดอะมิโนเมทไธโอนีนมีโครงสร้างประกอบด้วยหมู่คาร์บอกซิล (carboxyl group, -COOH) หมู่อะมิโน (amino group, -NH2) อะตอมไฮโดรเจน (hydrogen atom, -H) หมู่อาร์ (R-group) และมีกำมะถัน (sulfur) เป็นส่วนประกอบของโครงสร้าง (Mathews et al., 2000) เมทไธโอนีนเป็นกรดอะมิโนที่หมู่อาร์ไม่มีขั้ว ไม่สามารถให้หรือรับโปรตอนได้ จึงไม่สามารถสร้างพันธะไฮโดรเจน (hydrogen bond) และพันธะไอออนิกได้ และซ่อนในโมเลกุลของโปรตีน (ARC, 1981; Horton et al., 1996; Mathews et al., 2000)

Function of Amino acids

The amino acid is way chemistry division , or , be the format for induce to build the protein , the protein can not built or, hold by without combination of the amino acid , therefore , for , understand that, how is amino that important acid ? , you must understand before that , how is that important protein ? build [ wasp ] the living , the protein is the components of every the structure and of everything are alive , tiny organ most until big most of living every kind things , will compose the protein in many the format , the protein then is way chemistry necessary that make our components is living can , in human body , the protein is formed build the muscle, bone, skin, blood, ligament , organ , gland, hair, nail, enzyme, hormone, antibody, and all liquid in the body, (the bile and urine ), the protein is necessary components for the growth of the bone , enzyme, hormone, and jeans, which unless, the water has already, the protein is pillar components in the body arrives at 20% of weight , therefore protein , then the important factor most build having body strong , and have good health , because , the protein will perform to build the tissue in the body , repair and maintain , for extend the tissue in the body , food other part just perform to support only , necessary protein for building bone , erythrocyte cell , and disease immunity , and perform formed lead oxygen goes to use in the body as well , for , get completed protein , amino especial type acid will must assemble well , which , amino acid , can arrange each other in all format can is the protein arrives at 50,000 different kind , and 20,000 a kind is the enzyme , each kind protein is born from assembling of amino different acid a lot of , link up prevent for apply follow especial necessity like, which ,can not exchange can , and the amino acid , participate assemble of the nitrogen arrives at 16% then different from the carbohydrate , and the fat in the body. When have a meal protein kind such as animal meat , the body must digest the protein to amino free acid , or , again call again the one name that, the amino acid is single, (Amino Acid). Before absorb go inside the cell for build the protein that wants , the protein composes 22 amino kind acids in the ratio appropriately , the quality of the protein in the food depends on , the ratio of the amino acid , at exist in that protein , the ratio of the amino acid , at best for human body , for example , , mother milk , (give 100) topmost full reddish yellow both of worths , (94) , cow's milk, (85) , poultry meat and the fish , (stay between 86 - 76) 22 amino kind acids that are that know. Which will assemble prevent the protein , again many hundred many involve a kind in living every kind things , in human body has can to produce the amino acid 80% according to the body can want , by when , the body receives amino necessary acid completely. Which we call the amino acid that the body has produced by oneself this that, the amino acid not necessary , (Nonessential Amino Acids) , which, for example , Alanine , Arginine , Aspartic Acid, Asparagine, Cystine, Glutamine, Glycine, Proline, Serine and Tyrosine.

The part will 20% again must receive from eating , because , the body has can not to build by oneself , which , call that, not swell out that necessary , (Essential Amino Acids) , which , there is together 9 a kind , for example, Histidine, lsoleucine, Leucine, Lysine, Methionine, Phenylalanine, Threonine, Tryptophan and Valine.

The amino acid is these , the majority exists in kind beef food , chicken , fish , milk , butter , and an egg , there are many persons think fertilely eating , will get the protein completely , this assumption dishonestly is tricked one , because , the protein in the food will lose to go to when , change all process such as , using heat , the chilling is hard , drying out , chemicals all expansion , how much is the food extremely change production process comes to ? , extremely lose many proteins only , amino majority acid, can appear in the format that is is like a picture in the sheet glass of again one , that call that D - and L - series , be the amino acid in nature format , at meet in living all things, except, Phenylalanine , the procedure assembles of the amino acid is the protein, or separate the protein is amino one acid for was applied in the body , be connection procedure concerns , when we want enzyme protein very much, the body will produce the protein , enzyme , when , we want to build the cell, body , will produce the protein for build the cell , the body will produce all protein , at the body wants to upward from amino necessary acid , and the body will can not produce all protein can come out. If torn amino necessary acid any one which , bring about to a lot of way health problems. If without the amino acid , the nervous system that perform like transmitting signal the majority can not can perform (be the important factor in the brain, for take , send the data). If torn the amino acid , might cause the error in sending news information , receiving protein will tall quantity help to enhance the quickness has of the brain temporary , in other part , for necessary nutrient builds existence, the amino acid helps to give the vitamin , and the mineral salts , can perform completed with full speed ahead , and help absorbed go to can use easy and effective.

Corn

Generally very corn goes out to are 5 the group

1. Field Corn , at know in now such as head dented corn (Dent Corn) , and obstinate corn, (Fint Corn) , which ,be the calling follows seed dented character or the head is dented , kind this corn when , dry seed straight already the head portion will uppermost have dented trace down goes to, which be the part of white powder , kind this corn is important and like to grow very in , The United States of America , especially strip neck way a color of a seed has since , white go to until yellow, because of have many late involve have a little more corn obstinate gang , corn is obstinate breed this part corn carries last of a seed often has very yellow and when , dry very hard within a seed has that make corn substance has very yellow is a substance gives a color that the name, (Cruptoxanthin) this substance when , animal receives animal body will change this substance to besides this substance still help to give the yolk has crimson , help give, there is the skin mouth meat, and the shin has dark yellow go up , be popular of the market especially strip [ zone The United States of America part England that ] likes to use white corn.

2. Sweet Corn , be corn which a servant eats , have no the change status, a seed will like to clear and wilt when old with full speed ahead, because abound before cooked will have sweet more than other kind, then call sweet corn , there is many species.

3. Pop Corn , be corn which a servant eats, have no the change status, a seed rather hard , good color and different size for the foreign countries, if a seed has keen character calls that Rice Corn, if a seed is round , call that pearl corn, (Pearl Corn), powder corn.

4. Flour Corn, a seed has various kinds color such as whiteness (turbidity, or mix small yellow) , or dark blue or there is both of white and blue dark in same sheath , because of , mutate , the gang that have dark color seed and the gang mutate to call that Indian red corn , (Squaw Corn) , or , call get again the name that (Native Corn) , corn dark color this gang has will , tall more corn which have white powder , candle corn.

5. Waxy Corn, be corn which a servant eats , will have powder that have the particularities is , be soft sticky , because in powder meat will compose gang powder , (Amylose) , assemble with , then make powder rather hard, corn which use to domesticate animals in Thailand has many the breed , at like to grow in Thailand for example hat breed fat beat 12(Rep.1) the hat , fat, B 12 fat B 5 sticky corn, and the -2 Organization of Petroleum Exporting Countries has a seed since , The white, yellow go to until red the size of a seed depends on the breed , generally will have the diameter is during 0.5-0.8 a centimetre, before bring domesticate animals then must grind before for help testify digest and mixxing effective improves at grind already will have the size about 1-8 a millimeter.

Decrease value feed pig and poultry

In the situation that the herdsman especially a pig and the poultry such as , meat chicken, egg chicken etc. Meet with price feed problem, or raw feed expensive material , meanwhile, the produce has that from domesticating animals gets back to valuable don't equilibrium with value feed upland capital goes up , herdsman agriculturist will neither is small-sized farm or , large-sized necessary farm will very to much must seek the way s reduce the expenses or , the capital in domesticating animals , for can pass by this crisis can give , and the thing that the agriculturist will have can to decrease the capital very are food value that use to domesticate animals , because of , majority capital in domesticating animals is will food value , thus if , the agriculturist mixes the feed will have used by oneself help to give can decrease value food capital very , capital value feed reduction in principle bing, price reduction of food formula that uses to domesticate animals lower , while way eatables worth please of food formula still originally , for the trend in capital value reduction, the feed might can do varied such as formula food calculation has the eatables please or , the nutrient differs, just enough with the requirement of pets , or , have the paramour of the eatables please or , the nutrient least , especially, the protein in food formula which , be expensive nutrient, or in case of the agriculturist buys the already cooked food that has to sell area the market , should choose buy already cooked straight food with a kind and the size of that pets, by this agriculturist way , will can decrease value feed capital has in the one level , or the filtration uses raw feed cheap material pays back raw feed expensive material in food formula in case of , the agriculturist mixes the feed uses by oneself , will help set the price the feed lowers while , the quality is or , nutrient quantity that have in food formula still originally , in the state now raw feed material that uses to are the components of feed formula that is using generally such as, the fish is powdery , soybean waste , broken-milled rice, and expensive corn goes up very , make value feed capital increases to follow go to with , if the agriculturist knows to choose use raw kind other material, at cheap especially raw feed material that is way agriculture by-product and the industry come to pay back the raw material that are using generally , as a result will help give domesticating animals capital in the part that is feed value decreases to lower , however the filtration uses raw feed cheap material comes to pay back raw expensive material in food that formula , the agriculturist has to are omniscient about raw that material, such as , what kind is raw that material has the nutrient ? very can apply to is a place of kind protein nutrient , or be a place of the energy , if be a place of the protein , can use pay back powdery fish , or soybean waste has some part or all , if be a place of the energy , might can use pay back corn , or the broken-milled rice in food formula etc. , besides , the agriculturist will must know if , how much is the nutrient that have in raw that animal material has can to digest and absorb apply the advantage very a little ?. there is will or not is the toxin ? and that important must can procure cheap easy and have enough quantity to will apply to are the feed , the agriculturist will must is persistent take care feed alms lest , be born the fall drops to lose such as , adjust the character of food shallowness deep gutter of a gutter , including , wideness size of food gutter are appropriate a kind and the size of animal for can protect to don't give animal rummage or , transfer the cause appeareds food gutter , feed alms in each time should not too until too much because , will make a chance that the food will spill to drop abound go up , should feed each time just enough with at animal eats or , feed gradually but , feed many times go up , as a result will help decrease losing of the feed , which , be the one way has in capital value food reduction and animal production , and the agriculturist might decrease value food capital by fining decrease food quantity that give animal eat , especially in feeding pig can decrease food quantity that 10% from down the quantity that a pig eats with full speed ahead , or will use the grass carries fresh slice to mix cooperate food formula in 10% quantities s by the weight in feeding pig feeds , will make can devalue the food has down 10% by a pig still has progress normal rate.

Vitamin C

The vitamin C , discover meet in one kind chili in year , A.C. 1928 by extremely member in biochemistry. Hungarian the advantage of the vitamin C is help in the prevention from the cold , can decrease the level of, serum cholesterol , (because the vitamin will C assemble with cholesterol and the calcium make cholesterol be broken into pieces in the water has), help enhance the immunity , help give vigorous body , help enhance the immunity builds the measles, mumps and polio virus, if receive the vitamin C in tall many quantity , will help enhance the resistance builds cancer cell , and can destroy cancer cell like melanoma get bear fruit give can extend of the patient who can is the cancer. The vitamin C at medicine company will produce to sell usually is in the character is sound of blowing which , there is the calcium stays with. If old people receives the calcium too much s will make the bone.

Protein

The knowledge about , amino acid , the protein has the division digests to are the amino acid , the amino acid has 20 all a kind , compose prevent go up late the protein , exist two the format is , like L -form and D -form , bilateral like this to have the character reverses , only live left whirl or, right of arrangement comes to fix, for the amino acid in animal and the amino acid in a person , will have alike acid , but arrangement of those acid, be opposite , the amino acid is tiny division most of the protein , the amino acid composes the atom of the nitrogen , at least 1 the atom , we might think the amino acid is acid , and have sour, lemon , but no truth , because , it has the state rather is impartial , will have the be acid a little in the sense of of the biochemistry only , when we eat the protein enters , gastric juice will do digesting piece the protein , go out the group of , amino acid , many the group , after that the body then begin to absorb , amino acid , one by one enter use , our body can not pick the amino acid keeps to use, at it picks the sugar keeps to are the energy , thus amino exceed acid comes to , as a result , crumbled abandon , by take the part that is the nitrogen , go out with urine , in a picture of , uria , the part that is hydrogen carbon and oxygen , will touch [ cheap ] the body changes to the energy , for pillar advantage of , amino acid , all right old 1. the amino acid is the raw material , which , be the division digests in building cell , and the tissue in the body , perform two bely , build new protein in the body one, again one use repair the part that is worn 2. extremely have amino many acid , as a result , enhance the ability in building enzyme for uses in many digestion , and still enhance the ability in the reproduction of a human with 3. amino necessary acid for circulating of 4. amino acid bloods give the energy to the body , by the 1 gram protein will give 4 calorie protein energies , (or be the amino acid there ) , in our body , there is the character moves all the time , be have both of building , and the destruction at the same time , the part will that build fast more destroy that , as a result , depend on age , physical condition ( of one's body ) , sickness , such as old person goes up , as a result , will have crumbling protein more than building , we can divide the protein goes out to are three a kind , by separate be see that it has, the amino acid is necessary, for

Example ,lysine ,valine ,Isoluecine ,luecine ,trionine ,tryptophan ,methionine ,phenylalanine , and histidine) , stay completely ? , by divide get as follows

1. completed protein , mean , compose , the amino acid is necessary , fully every kind for example ,the protein from animal meat , and a chicken and the fish , egg , milk , which , extremely cultivate a body should have , but , must remember if , the food is these , unless , give the protein has already , as a result , still have the fat , and tall cholesterol with , using supplementary food is the way avoids at good .

2. one the protein almost completed , mean , have , amino acid , necessity , fully almost , torn one just arrive at two only , will stay in something plant such as , sheath beans , or , beans which have all seed , kind this protein , use get with big person has already , because , arrive at will get the amino acid not fully , but , have no result how much is the health ? , but , prohibit give with a child anyway , because , will make not big child .

3. as expected imperfect protein , mean , have no amino necessary acid.

Importance of fat

1. body is power important resource , because , give the energy most arrive at 9 calorie kilogram/gram , in 30% usual conditions of the all energy that the body will have must to use on each day from the fat , but , in the condition starves , the energy all almost at the body will have must to use from crumbling , triacylglycerol , the storage collects in fat tissue at under the skin , in the abdominal cavity and around , internal organs , and at put in stay general in the muscle , which , fat these tissue unless , will a place has of the energy already , still help protect the bumping against shakes to all organ , tissue fat part that under the skin still helps to protect losing heat goes out outside way skin body as well ,

Importance of Nutrition

The importance and the duty of the nutrient in the body , each kind nutrient will dare to at , property , and metabolism , different , the importance and the duty of the nutrient in enough [ when ] body will have delivered a speech generally

1. as follows give the energy , (energy producing food) , for example ,kind food carbohydrate , and fat , if the body has energy from 2 kind this not enough nutrients , body , willcrumble the protein to.

2. energies are the components in the body, (body building food) , such as , brain , muscle , and the bone , etc. , the tissue in the body has will building and crumbling all the time , thus the body then want the food especially the protein for the progress in a child , and repair the part that is worn in.

3. adults s are formed control the work of all process , (regulation food) , such as, gang vitamin food , and the mineral salts , which will perform the components of the enzyme , enzyme cow and all hormone , that perform be , body regulator , in the supervision metabolism , of all substance , in the body proceed can go to usually.

4. Use in syntheticcing substance necessary and perform varied important ,such as, hemoglobin , glutathione , bile salt , and the antibody , etc. The food will that consume that should perform 4 both of like this to completely, thus we then have to consume many kind food , fully , so that , the body will receive every kind nutrient.

Nutrition

Be the education arrives at the relation between the food and the health in the body , both of in the sense of the quantity and the proportion of the nutrient that the body should receive , for apply the energy in the addition builds and repair all part , and the change of the nutrient , (metabolism) , for the lead goes to use , which , the process that relate , cover since , digesting , absorbing , chip suit , shipping , the saving collects , and the driving transfers to go out in the body , if , the procedure aforementioned this is in the condition equilibriums , will cause the body is living can normally happy and have good health , energy requirement and all nutrient in the body on each day can have the change , depend on , age , gender , environment , the condition of the health and living character , etc. , besides , , the nutrition still mention the food that is appropriate for some kind person , such as , athlete , or , in the condition at , the body has way physiology change , such as , the distance is pregnant , or , breast-feed a child , or , there is the sickness from the disease all , and this subject still cover to arrive at all toxin , at contaminated come to with the food which , might built the bad result gives with a consumer , thus can see that , , science eatables is many pertaining to knowledge side subject , both of agriculture side , the production and food preservation , cooking arts , microbiology , science poison , tradition culture , including , the belief about consuming food , if , be omniscient about [ story ] good nutrition , will make consume the food has correctly , there is normal both of body progress and the intelligence , there is disease immunity , play the sport and can work efficiently ,