You're welcome, This is a blog knowledge about the Animals Science

แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สูตรอาหาร ความต้องการโภชนะของสุกร ไก่ไข่ ไก่เนื้อ การจัดการฟาร์ม ครับผม by suntornka

Google search

Custom Search

Sponser one

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Deficiency of Vitamin E

การขาดวิตามินอี
ในสัตว์ที่โตแล้วไม่ค่อยเกิดการขาดวิตามินอี แต่มักพบในลูกสัตว์ที่แม่ได้รับอาหารที่ขาดวิตามินอี สัตว์ที่ขาดวิตามินอีนั้น ถ้าเป็นตัวเมียที่ตั้งท้องจะแท้งลูก ส่วนสัตว์ตัวผู้จะเกิด degeneration ของ germinal epithelium เช่น seminiferous tubules เกิด irreversible degeneration ในระยะ sexual maturity ทำให้เกิดการเป็นหมันอย่างถาวร วิตามินอียังเกี่ยวข้องอยู่กับกล้ามเนื้อด้วย คือ ถ้าขาดจะทำให้เกิด muscular dystrophy ซึ่งเป็น degenerative change ของกล้ามเนื้อลาย พบในสัตว์ต่าง ๆ เช่น ในกระต่าย หนู ไก่ สุนัข สุกร โค กระบือ แพะ แกะ
ในไก่การขาดวิตามินอี จะทำให้เปอร์เซ็นต์การฟักไข่ลดลง เนื่องจากลูกไก่ตายก่อนฟักออกเป็นตัว ส่วนลูกไก่ที่ไม่ตาย ฟักออกมาแล้วก็จะเกิด enphalomalacia และ exudative diathesis
อาการขาดวิตามินอีของลูกไก่ที่เป็นที่รู้จักกันดีมากที่สุดคือ อาการผิดปกติทางประสาท ซึ่งแสดงออกโดยการเดินโซเซ ศรีษะอาจถูกดึงให้ก้มหรือเงย ลูกไก่จะอ่อนแอ ไม่แข็งแรง การเคลื่อนไหวและการทรงตัวจะไม่เป็นปกติ ซึ่งจะทำให้ลูกไก่กินน้ำ กินอาหารลำบาก น้ำหนักตัวจึงลดลงอย่างรวดเร็ว และอาจหมดกำลังตายได้ หากขาดวิตามินอี ไม่มากอาจจะพบเฉพาะอาการที่ลูกไก่เคลื่อนไหวผิดปกติ และมีการทรงตัวที่ไม่ดีเท่านั้น
โดยทั่วไปแล้วอาการผิดปกติเหล่านี้จะสังเกตเห็นได้เมื่อลูกไก่มีอายุระหว่าง 13-30 วัน หรืออาจช้าหรือเร็วกว่านี้ได้ อาการของโรคเหล่านี้จะถูกกระตุ้นโดยการกินอาหารที่มีวิตามินอี และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวอยู่มาก ระยะเวลาและความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของอาหาร ชนิดและปริมาณของไขมันในอาหาร รวมทั้งสภาวะทางสุขภาพเดิมของสัตว์ด้วย
ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เมื่อขาดวิตามินอี จะมีความผิดปกติเกิดขึ้นมากมายทั้งในระบบสืบพันธุ์ กล้ามเนื้อ ประสาท และระบบเลือด ทำให้เป็นหมัน กล้ามเนื้อฝ่อลีบ เนื้อตับตายบางส่วนและเลือดจาง เนื่องจากเม็ดเลือดแตกง่าย(1,15) ในคนพบว่า ทารกที่คลอดก่อนกำหนด ใน cystic fibrosis, biliary atresia และ abetalipoproteinemia จะมีระดับวิตามินอีในเลือดต่ำ มีอาการซีดและบวมเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตกมากกว่าปกติ ในคนที่ขาดวิตามินอีเหล่านี้ ถ้าเจาะเลือดมาใส่ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เจือจาง (2%H2O2) เม็ดเลือดแดงจะแตกง่ายกว่าของคนปกติ ทั้งนี้เป็นเพราะฟอสฟอไลปิดที่เป็นส่วนประกอบของผนังเม็ดเลือดแดงถูกออกซิไดส์โดยฮัยโดรเจนเปอร์ออกไซด์ได้ง่าย เนื่องจากไม่มีวิตามินอีคอยช่วยป้องกันในเด็กที่มีอาการของทางเดินน้ำดีอุดตันมาเป็นเวลานาน ๆ จะแสดงความผิดปกติของการทำงานของระบบประสาทที่พบว่า มีความสัมพันธ์กับการขาดวิตามินอี(15) และอาการดังกล่าวจะหายไปเมื่อได้รับวิตามินอี(16) นอกจากนี้ยังมีหลักฐานยืนยันจากการทดลองในสัตว์ทดลองพบว่า การขาดวิตามินอีจะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้นมาก และมี lipoperoxides ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ระบบการทำงานของระบบประสาทกลาง (CNS) เสียไป และทำให้กล้ามเนื้อไม่มีแรง (17)
การขาดวิตามินอี เกิดขึ้นได้เนื่องจากได้รับเข้าไปไม่พอหรือการดูดซึมจากอาหารได้ไม่ดี เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า ความต้องการวิตามินอี สัมพันธ์ไปกับปริมาณอาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว (PUFA) ที่ได้รับเข้าไป ปัจจุบันนี้ยังพบว่าร่างกายต้องการวิตามินอีเพิ่มขึ้นในรายที่มีการขาดกรดอะมิโนที่กำมะถันเป็นส่วนประกอบ การขาดธาตุทองแดง, สังกะสี และหรือแมงกานีส และการขาดไรโบฟลาวิน(10) พวกสารสังเคราะห์ที่ละลายได้ในไขมัน เช่น butylated hydroxytoluene (BHT), butylated hydroxyanisole (BHA), N, N’-diphenyl-p-phenylenediamine (DPPD) และวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ เช่น วิตามินซีสามารถนำมาทดแทนวิตามินอีในการกำจัดอนุมูลอิสระได้ด้วย(18)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Sponser

News in Thailand

.