You're welcome, This is a blog knowledge about the Animals Science

แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สูตรอาหาร ความต้องการโภชนะของสุกร ไก่ไข่ ไก่เนื้อ การจัดการฟาร์ม ครับผม by suntornka

Google search

Custom Search

Sponser one

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วิตามิน ดี (Vitamin D)

ประวัติและลักษณะทั่วไปของวิตามินดี DeLuca จัดวิตามินดีไว้เป็น 5 ยุคด้วยกัน ในยุคแรก (1919-1937) เป็นการค้นพบวิตามินดี บุคคลที่สำคัญคือ Prof. E.V. Mc Collum ได้มีการศึกษา vitamin D กันมากขึ้นจนพบว่ามีอยู่ 2 ชนิด คือที่มาจากพืช คือ vitamin D2 (Ergocalciferol) และจากสัตว์คือ Cholecalciferol (D3) หลังจากปี 1937-1955 มีการศึกษา vitamin D กันมากในแง่ของ physiologic action ทำให้พบว่า vitamin D มีบทบาทมากต่อระดับของ calcium ใน plasma กล่าวคือ vitamin D ช่วยดูดซึม calcium และ phosphate ที่ลำไส้ ร่วมกับ PTH จะนำ calcium จากกระดูกเข้าสู่ plasma ส่วนที่ไตก็จะร่วมกับ PTH ช่วยในการดูดกลับของ calcium เพื่อให้คงระดับของ plasma vitamin D ไม่ทำหน้าที่โดยตรงต่อ bone mineralization ถ้าระดับของ Calcium และ Phosphorus อยู่ในระดับปกติ แต่ถ้าระดับของสองธาตุนี้เปลี่ยนไป vitamin D จะช่วยทำให้อยู่ในสภาพคงที่และช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของกระดูกด้วย ตั้งแต่ปี 1955 เข้าสู่ยุคที่สาม เป็นเรื่องการศึกษา metabolism และทาง endocrinology ทำให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของ vitamin D ในช่วงนี้เองทำให้รู้กันว่าต้นตอของ vitamin D จากผิวหนังคือ 7 dehydrocholesterol ถูกเปลี่ยนที่ตับเป็น 25(OH)D3 และเปลี่ยนที่ไตเป็น 1,25(OH)2D3 และมี pathway ใหม่ที่เกิดขึ้น คือ 24 hydroxy action ซึ่งจะได้สาร 24R, 25(OH)2D3 มีบทบาทสำคัญต่อกระดูก มีการศึกษา gene ของ vitamin D ด้วย ในระยะหลังๆ ก็เริ่มพบสารประเภทที่มีคุณสมบัติคล้าย vitamin D ที่เรียกว่า analog เป็นยุคของ molecular mechanism และ new function ของ vitamin D ปี 1974 เป็นต้นมาเข้าสู่ยุคที่สี่ มีการพบ vitamin D-Receptor โดย DeLuca, Pike, O’Mally ทำให้เข้าใจวิตามินดีที่มีต่อ cell ดีขึ้น ตลอดจนการเกิดความบกพร่องของ gene ที่จะมีผลทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องทางวิตามินดี ในช่วงนี้ทำให้พบ vitamin D responsive element (VDRE) เป็นต้นกำเนิดของ osteocalcin ตลอดจนพบสารที่จะรวมกับ VDR คือ retinoid receptor เป็น complex receptor ก่อนจะรวมตัวกับ VDRE ต้องจับกับ VDR ระยะหลังๆ จะพบหน้าที่ใหม่ของ vitamin D โดยเฉพาะ analog มารักษาโรค เช่น โรคผิวหนัง, โรคสมองเสื่อม, ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องและโรคมะเร็งของต่อมลูกหมาก, มะเร็งของเต้านม, มะเร็งของลำไส้ พอมาระยะหลังตั้งแต่ปี 1971 (ยุคที่ 5) จนถึงปัจจุบันมีการศึกษาค้นคว้า analog ของ 1,25(OH)D3 กันมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อได้คุณสมบัติพิเศษใหม่ และลดการเกิด hypercalcaemia

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Sponser

News in Thailand

.