แมงกานีสจะทำหน้าที่ร่วมกับขบวนการ redox การหายใจของเนื้อเยื่อ และการสร้างกระดูกและมีผลต่อการเจริญเติบโต ระบบสืบพันธุ์ การสร้างเลือด และการทำหน้าที่ของระบบต่อมไร้ท่อ (endocrine organ) การทำงานร่วมกันของแมงกานีสกับขบวนการออกซิเดทีฟ ฟอสโฟรีเรชั่น (oxidative Phosphorelation) ที่จะเป็นตัวนำแมงกานีสเข้าไมโตคอนเดรียของเซลล์ตับ ผลของแมงกานีสต่อเนื้อเยื่อกระดูก ที่เป็นไปได้ว่า เป็นการทำงานของ alkarine phosphatase และการสังเคราะห์ของ acidic mucopolysaccharide ใน bone matrix และกระดูกอ่อน กลไกตัวนี้จะเป็นผลมาจากแมงกานีสที่จะช่วยให้เปลือกไข่มีความแข็งแรง ส่วนของแมงกานีสเองจะมีความจำเพาะต่อ lipotropic ที่จะช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์ของไขมันในร่างกาย และ การสลายไขมันของตับ มีการทดลองในห้องปฏิบัติการ พบว่าแมงกานีสช่วยกระตุ้นอินซูลินอีกด้วย และยังมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า แมงกานีสยังมีผลต่อขบวนการเมแทบอลิซึมของไนโตรเจน แคลเซียม – ฟอสฟอรัส
Acetyl CoA แมงกานีส เช่นเดียวกับแมกนีเซียมที่เป็นไอออนบวก ที่ไม่เฉพาะเจาะจงต่อการกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ เช่น hydrolase, kinase, kinase และ decarboxylase จากรูปล่าง แสดงให้เห็นว่าจะมีส่วนช่วยทำหน้าที่เป็น cofactor ของขบวนการ di-tricarboxylic acid สำหรับเอนไซม์ arginase ถือว่าเป็น metalloenzyme complex ของแมงกานีสที่เป็นตัวทำหน้าที่โดยเฉพาะ สำหรับความต้องการของแมงกานีสในส่วนของ pyruvate carboxylase ของตับ และเอนไซม์ oxaloacetate carboxylase ของกล้ามเนื้อ โดยแมงกานีสในรูป Mn+2 ที่มี 4 อะตอม และ 4 โมเลกุล biotin และ catalete carboxylation ของ pyruvic acid ไปเป็น oxaloacetate (OAA)
ซึ่งปฏิกิริยาดังกล่าวมี 2 ขั้นตอน ดังนี้
แมงกานีสเป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นเหมือนกับแร่ธาตุรองอื่น ๆ แมงกานีสยังสามารถทำหน้าที่ทั้งเป็นตัวช่วยเอนไซม์ (enzyme activator) และเป็นส่วนของ metalloenzyme แมงกานีสในส่วนของเอนไซม์ที่รวมทั้งเอนไซม์ arginase, pyruvate carboxylase และ mn-superoxide dismutase อย่างไรก็ตามปริมาณของแมงกานีสที่เป็น metalloenzyme มีจำกัด ซึ่งเอนไซม์จะทำงานได้ต้องมีปริมาณของแมงกานีสที่เพียงพอ แมงกานีสจะประกอบอยู่กับเอนไซม์ hydrolases, kinases, decarboxydases และ transferases หรือไม่ก็ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยการทำงานของเอนไซม์หรือในส่วนของเอนไซม์แมงกานีสเป็นไอออนบวก แต่ไอออนบวกอีกชนิดหนึ่งโดยเฉพาะแมกนีเซียม (magnesium, Mg) ที่สามารถทดแทนได้เป็นบางส่วนของแมงกานีสที่มีน้อยหรือมีการสูญเสียการทำงานของเอนไซม์ ดังนั้น biotin ที่เอนไซม์จะต้องใช้ด้วยเช่นขบวนการของ pyruvate carboxylase ที่ต่อเนื่องที่จะติดกับคาร์บอนไดออกไซม์ (Co2) ช่วงที่มีการขาดแมงกานีสเพราะแมกนีเซียมทดแทนแมงกานีสได้ในส่วนของเอนไซม์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น